แค่สวยไม่พอ ต้องหอมด้วย ถึงจะเรียกว่าห้องนอนที่สบายอย่างแท้จริง!
ในฐานะผู้ผลิตชุดเครื่องนอน เราเข้าใจดีว่ากลิ่นหอมสำคัญแค่ไหน ถ้าห้องไม่หอมถูกใจ ก็อาจจะทำให้นอนไม่หลับ นอนไม่ลง นอนไม่สบายได้ง่ายๆ
Haus64 รวบรวม 9 เคล็ดลับทำให้ห้องหอมฟุ้งติดทนนานมาให้ แค่ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ กลิ่นหอมจะอยู่คู่ห้องนอนตลอดไปแน่นอน!
1. ใช้เครื่องหอม

เทียนหอม ก้านไม้หอมปรับอากาศ สเปรย์ปรับอากาศ เครื่องพ่นอโรม่า หรือน้ำหอมเสียบปลั๊ก เดี๋ยวนี้มีตัวเลือกเครื่องหอมหลากหลายประเภทให้เลือกตามความชอบและความสะดวก ตัวเลือกกลิ่นก็มีเยอะแยะมากด้วย
แนะนำว่าเลือกกลิ่นที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หลับสบาย เช่น ลาเวนเดอร์ วานิลลา เจอราเนียม ฯลฯ และวางเครื่องหอมห่างจากเครื่องปรับอากาศสักหน่อย เพื่อไม่ให้กลิ่นเทียนหอม หรือน้ำหอมต่างๆ ถูกดูดเข้าไปในแอร์ และทำให้เครื่องปรับอากาศอุดตันได้ง่าย
2. วางใบเตยแห้ง ดอกไม้สด หรือดอกไม้แห้ง

ในกรณีที่อยากใช้เครื่องหอมจากธรรมชาติ ลองวางใบเตยหอมแห้งสักมุมในห้องนอน หรือนำดอกไม้สดหอมๆ ที่ปราศจากยาฆ่าแมลงมาปักในห้อง ก็ได้บรรยากาศทั้งสวยทั้งหอม จะใช้ดอกไม้แห้งบรรจุโหลหรือถุงหอมก็ได้
กลิ่นอาจจะเบาบางกว่า ไม่หอมมากเท่าเครื่องหอมเคมี แต่ก็ได้ความสดชื่นไปอีกแบบ
3. ใช้เครื่องฟอกอากาศ และเปิดหน้าต่างห้องบ้าง

ห้องหอม คือห้องที่ไม่เหม็นอับ ห้องนอนควรมีอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่อับชื้น การใช้เครื่องฟอกอากาศช่วยได้ดี
ห้องนอนส่วนใหญ่มักติดเครื่องปรับอากาศ ทำให้หน้าต่างห้องนอนไม่ค่อยได้เปิด แนะนำว่าในช่วงกลางวัน ควรเปิดประตูหรือหน้าต่างห้องนอนสัก 1-2 ชั่วโมง ให้ลมพัดผ่านบ้าง จะช่วยให้อากาศในห้องสดชื่นขึ้น
4. อาบน้ำทุกครั้งก่อนนอน

ความสะอาดมาคู่กับความหอม กลับมาบ้านแล้วอย่าเพิ่งทิ้งตัวลงนอน กลิ่นเหงื่อไคลและคราบฝุ่นต่างๆ อาจจะติดลงเตียง อาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนโดดขึ้นเตียงเสมอ ห้องจะหอมสะอาดนานขึ้น เพราะขาดต้นตอกลิ่นไม่พึงประสงค์
5. เก็บตะกร้าเสื้อผ้าใช้แล้ว และถังขยะไว้นอกห้องนอน

ตะกร้าเสื้อผ้าใช้แล้วและถังขยะ เป็นสองแหล่งสร้างกลิ่นตุ่ยๆ ในห้องนอน ถ้าไม่กำจัดออกไป กลิ่นหอมและเหม็นจะตีกันได้
วิธีสร้างห้องหอมในทันที คือเอาสองสิ่งนี้ไปไว้ที่อื่น หรือถ้าจำเป็นต้องมีจริงๆ ก็ต้องซักเสื้อผ้าใช้แล้วบ่อยๆ และเทขยะสม่ำเสมอ
6. ซักผ้าปูที่นอนอย่างสม่ำเสมอ

อาทิตย์ละครั้ง คือความถี่การเปลี่ยนผ้าปูที่นอนที่เหมาะสม กลิ่นหอมสะอาดของชุดเครื่องนอนซักใหม่ๆ ทั้งสดชื่นและชวนหลับสบายอย่างไม่มีอะไรสู้ ถ้าเข้าสัปดาห์ที่สอง กลิ่นจะเริ่มจางไป และยิ่งทิ้งไว้นาน เครื่องนอนจะเป็นแหล่งสะสมฝุ่นและเชื้อโรค
ชุดผ้าปูที่นอนของ Haus64 ทนทานต่อการซัก ยิ่งซักยิ่งนุ่มขึ้นเรื่อยๆ แถมไม่เป็นขุยเกี่ยวเท้า แนะนำว่าให้ใช้น้ำยาซักผ้ากลิ่นเดียวกันทั้งชุด กลิ่นจะได้ไปทางเดียวกันทั้งหมด เจอทั้งความนุ่มนิ่มและหอมเข้าไป มั่นใจว่านอนหลับสบาย
7. ซักผ้าเช็ดตัว ผ้าม่าน พรมเช็ดเท้า

มีผ้าอื่นใดในห้องนอนบ้าง ต้องซักให้หมด! นอกจากผ้าปูที่นอน บางบ้านอาจจะมีผ้าม่าน พรมเช็ดเท้า หรือมีผ้าเช็ดตัวไว้ใช้ในห้องนอนด้วย ทั้งหมดนี้ต้องหมั่นซักให้สะอาด ตากให้แห้งสนิทก่อนนำมาใช้
ผ้าเช็ดตัว ควรซักอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนผ้าม่านและพรมเช็ดเท้า อาจไม่ใช่ของที่ซักบ่อยๆ แต่ก็ควรดูดฝุ่นเป็นประจำ เพราะเป็นแหล่งสะสมไรฝุ่นและกลิ่นอับได้
8. กวาดถูห้องสม่ำเสมอ

การทำความสะอาดห้องนอนควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละครั้ง บางบ้านที่อยากให้ห้องหอม อาจจะใช้น้ำยาถูพื้นหรือผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มตอนถูพื้น กลิ่นห้องจะได้หอมฟุ้ง
แนะนำว่าอย่าใช้เยอะเกินไป พื้นห้องอาจจะเหนียว เดินไม่สบายเท้าได้ เน้นความสะอาดปลอดโปร่งเป็นหลักดีกว่า
9. นำหมอนไปตากแดด และดูดฝุ่นเตียง

ปิดท้ายที่การทำความสะอาดหมอนและฟูก ควรทำความสะอาดทุก 4-6 เดือน โดยหมอนบางชนิดอาจซักเครื่องไม่ได้ แนะนำให้นำมาดูดฝุ่นและตากแดด ส่วนฟูกก็ควรดูดฝุ่น และพลิกด้านบ้าง นอกจากทำให้เตียงหอมไร้กลิ่นอับ ยังดีต่อสุขภาพการนอนด้วย
ขอให้ทุกคนมีห้องนอนหอมๆ นอนสบาย จากใจ Haus64